เอสกิโม ชนเผ่าผู้อยู่รอดในดินแดนอันหนาวเหน็บ
เอสกิโมเป็นชนเผ่าพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ในแถบขั้วโลกเหนือมานานกว่า 5,000 ปี พวกเขาต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่หนาวเหน็บและรุนแรงตลอดทั้งปี แต่พวกเขาก็หาวิธีเอาชีวิตรอดได้อย่างน่าอัศจรรย์
เอสกิโมสามารถอยู่รอดในดินแดนอันหนาวเหน็บได้อย่างไร พวกเขามีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมอย่างไร อะไรคือความลับที่ทำให้พวกเขาสามารถอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้
คำถามชวนคิด
- เอสกิโมอาศัยอยู่ได้อย่างไรในดินแดนที่หนาวเหน็บที่สุดในโลก?
- พวกเขามีวิถีชีวิตอย่างไร?
- พวกเขามีวัฒนธรรมและความเชื่ออย่างไร?
เอสกิโมเป็นชนเผ่าพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ในบริเวณขั้วโลกเหนือ ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของกรีนแลนด์ แคนาดา อลาสก้า และไซบีเรีย ชนเผ่าเหล่านี้มีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่หนาวเหน็บ อุณหภูมิเฉลี่ยในบริเวณที่พวกเขาอาศัยอยู่อาจต่ำกว่า -40 องศาเซลเซียส ตลอดทั้งปี
เอสกิโมมีวิธีปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศ
ที่หนาวเย็นได้อย่างน่าทึ่ง ดังนี้
1.ที่อยู่อาศัยของชาวเอสกิโม
เอสกิโมสร้างบ้านที่ทำจากหิมะที่เรียกว่า “อิกลู” อิกลูเป็นบ้านทรงกลมที่ทำจากแผ่นหิมะที่ซ้อนกันเป็นรูปโดม หลังคาอิกลูทำจากแผ่นหิมะที่บางลงเพื่อให้แสงแดดส่องผ่านได้ อิกลูสามารถทนต่อลมพายุและหิมะตกหนักได้เป็นอย่างดี
อิกลูของชาวเอสกิโม
อิกลูเป็นที่อยู่อาศัยหลักของชาวเอสกิโมในช่วงฤดูหนาว ชาวเอสกิโมสามารถสร้างอิกลูได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงโดยใช้เครื่องมือง่ายๆ เช่น มีด ขวาน และเชือก อิกลูมีผนังหนาประมาณ 60 เซนติเมตร ช่วยให้อุณหภูมิภายในอิกลูอยู่ที่ประมาณ -7 ถึง 16 องศาเซลเซียส แม้ภายนอกอิกลูจะหนาวจัดถึง -45 องศาเซลเซียสก็ตาม
ภายในอิกลูจะมีเตาผิงสำหรับให้ความอบอุ่น มีเตียงนอนที่ทำจากหนังสัตว์ และมีพื้นที่สำหรับเก็บอาหารและอุปกรณ์ต่างๆ อิกลูเป็นนวัตกรรมที่ชาญฉลาดของชาวเอสกิโมที่ช่วยพวกเขาให้สามารถอยู่รอดในสภาพอากาศที่หนาวเย็นที่สุดในโลกได้
คุณสมบัติของอิกลูที่ทำให้สามารถทนต่อสภาพอากาศหนาวเย็นได้ ได้แก่
- รูปร่างทรงกลมของอิกลูช่วยให้แรงลมกระจายออกไปทั่วพื้นผิวของอิกลู ทำให้อิกลูไม่ล้มง่าย
- ผนังอิกลูที่หนาและแน่นช่วยให้ความร้อนภายในอิกลูไม่รั่วไหลออกไป
- หลังคาอิกลูที่บางลงช่วยให้แสงแดดส่องผ่านได้ ทำให้ภายในอิกลูสว่างขึ้นและความร้อนจากแสงแดดช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับภายในอิกลู
อิกลูเป็นที่อยู่อาศัยที่เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้ชาวเอสกิโมสามารถอยู่รอดในสภาพอากาศที่หนาวเย็นได้
2.เครื่องแต่งกายของชาวเอสกิโม
เครื่องแต่งกายของชาวเอสกิโมเป็นนวัตกรรมที่ชาญฉลาดที่ช่วยพวกเขาให้สามารถอยู่รอดในสภาพอากาศที่หนาวเย็นที่สุดในโลก เอสกิโมสวมเสื้อผ้าที่ทำจากหนังสัตว์ เช่น ขนกวางเรนเดียร์ ขนหมีขั้วโลก และขนแมวน้ำ เสื้อผ้าเหล่านี้ช่วยในการกันความหนาวเย็นได้ดี เสื้อผ้าชาวเอสกิโมมีชุดชั้นในหลายชั้นที่ทำจากขนสัตว์เพื่อให้ร่างกายอบอุ่น พวกเขาสวมเสื้อกันหนาวและรองเท้าบู๊ทที่ทำจากหนังสัตว์ที่หนาและกันน้ำ เสื้อกันหนาวเอสกิโมมีการออกแบบที่ชาญฉลาดเพื่อช่วยให้ร่างกายอบอุ่น เสื้อกันหนาวมีฮู้ดขนาดใหญ่เพื่อปกคลุมศีรษะและคอ และเสื้อกันหนาวมีกระเป๋าที่ด้านหน้าเพื่อเก็บมือให้อบอุ่น
เครื่องแต่งกายของชาวเอสกิโมประกอบด้วยชิ้นส่วนหลักๆ ดังนี้
1.เสื้อคลุม
เสื้อคลุมของชาวเอสกิโมเป็นชิ้นส่วนหลักของเครื่องแต่งกายของชาวเอสกิโม เสื้อคลุมทำจากหนังกวางเรนเดียร์หรือสัตว์ทะเลอื่นๆ เสื้อคลุมมีความยาวถึงข้อเท้าและมีฮู้ดคลุมหัวเพื่อช่วยป้องกันความหนาวเย็น
2.กางเกง
กางเกงของชาวเอสกิโมทำจากหนังสัตว์เช่นกัน กางเกงมีความยาวถึงข้อเท้าและมีแถบหนังพันรอบขาเพื่อป้องกันหิมะ
3.รองเท้าบู๊ต
รองเท้าบู๊ตของชาวเอสกิโมทำจากหนังสัตว์เช่นกัน รองเท้าบู๊ตมีขนหนาด้านในเพื่อช่วยป้องกันความหนาวเย็น
4.ถุงมือ
ถุงมือของชาวเอสกิโมทำจากหนังสัตว์เช่นกัน ถุงมือมีขนหนาด้านในเพื่อช่วยป้องกันความหนาวเย็น
นอกจากชิ้นส่วนหลักเหล่านี้แล้ว ชาวเอสกิโมยังสวมใส่อุปกรณ์อื่นๆ เช่น หมวก ผ้าพันคอ และผ้าพันคอเพื่อช่วยป้องกันความหนาวเย็น
3.อาหารของชาวเอสกิโม
อาหาร เอสกิโมมีอาหารหลักคือเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อกวางเรนเดียร์ ปลา และสัตว์ทะเลต่างๆ พวกเขาใช้เครื่องมือง่ายๆ เช่น ธนูและลูกศร ในการล่าสัตว์ และใช้แหและเบ็ดในการตกปลา เอสกิโมยังเก็บสะสมอาหาร เช่น รากพืชและผลไม้ เพื่อใช้ในช่วงฤดูหนาว อาหารของชาวเอสกิโมเป็นอาหารที่มีไขมันสูง เนื่องจากไขมันช่วยให้ร่างกายอบอุ่นในสภาพอากาศที่หนาวเย็น
ในการล่าปลา พวกเขาจะใช้แหและเบ็ดในการตกปลา และใช้หอกในการตกปลาแบบแทง นอกจากเนื้อสัตว์แล้ว ชาวเอสกิโมยังกินพืชผลบางชนิด เช่น บลูเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ และเห็ด ชาวเอสกิโมมักเก็บอาหารไว้สำหรับใช้ในฤดูหนาว โดยพวกเขาจะเก็บเนื้อสัตว์ไว้โดยการแช่แข็ง ตากแห้ง หรือรมควัน อาหารของชาวเอสกิโมเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ช่วยให้ชาวเอสกิโมมีพลังงานเพียงพอในการดำรงชีวิตในสภาพอากาศที่หนาวเย็น
ตัวอย่างอาหารของชาวเอสกิโม ได้แก่
ซูพีกเนื้อกวางเรนเดียร์เป็นอาหารยอดนิยมของชาวเอสกิโม ซูพีกนี้ทำจากเนื้อกวางเรนเดียร์ ผัก และสมุนไพร
ปลาตากแห้งเป็นอาหารที่สามารถเก็บไว้ได้นาน ชาวเอสกิโมมักกินปลาตากแห้งเป็นอาหารว่างหรือเป็นอาหารหลัก
เบอร์รี่เป็นอาหารที่มีวิตามินสูง ชาวเอสกิโมมักกินเบอร์รี่สดหรือนำมาทำแยม
4.วัฒนธรรมของชาวเอสกิโม
เอสกิโมมีวัฒนธรรมของชาวเอสกิโมเป็นวัฒนธรรมที่เก่าแก่และซับซ้อน สืบทอดกันมาหลายพันปี วัฒนธรรมของชาวเอสกิโมสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ผูกพันกับธรรมชาติ และมีความอดทนสูง ท่ามกลางความหนาวเหน็บของอากาศในแถบขั้วโลกเหนือ พวกเขามีความเชื่อในจิตวิญญาณและวิญญาณบรรพบุรุษ พวกเขามีภาษาและประเพณีของตนเอง
วัฒนธรรมของชาวเอสกิโมมีองค์ประกอบหลัก ดังนี้
1.ความเชื่อ
เอสกิโมมีความเชื่อในจิตวิญญาณและวิญญาณบรรพบุรุษ พวกเขาเชื่อว่าจิตวิญญาณมีอยู่ในทุกสิ่ง ทั้งในธรรมชาติและในมนุษย์ เอสกิโมมีพิธีกรรมต่างๆ เพื่อบูชาจิตวิญญาณ
2.ภาษา
เอสกิโมมีภาษาของตนเองที่แตกต่างไปตามกลุ่มชน ภาษาเอสกิโมมีโครงสร้างที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ
3.ศิลปะ
เอสกิโมมีศิลปะที่โดดเด่น โดยเฉพาะศิลปะการแกะสลักไม้และหิน พวกเขามักแกะสลักรูปสัตว์ รูปคน และรูปสิ่งของต่างๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
4.ดนตรี
เอสกิโมมีดนตรีที่ไพเราะ พวกเขามักเล่นดนตรีโดยใช้เครื่องดนตรีพื้นบ้าน เช่น กลอง ขลุ่ย และพิณ
ปัจจุบัน วัฒนธรรมของชาวเอสกิโมกำลังเปลี่ยนแปลงไปบ้าง เนื่องจากความทันสมัยและการพัฒนาของสังคม อย่างไรก็ตาม ชาวเอสกิโมยังคงยึดมั่นในวัฒนธรรมดั้งเดิมของตน และพยายามที่จะรักษาวัฒนธรรมเหล่านี้ไว้สำหรับอนาคต
บทสรุป
เอสกิโมสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่หนาวเหน็บที่สุดในโลกได้ด้วยการใช้ชีวิตแบบเร่ร่อน อาศัยอยู่ในกระท่อมอิกลูที่ทนต่อสภาพอากาศที่รุนแรง กินอาหารหลักคือเนื้อกวางเรนเดียร์และปลา และมีความเชี่ยวชาญในการล่าสัตว์และจับปลา
เอสกิโมสามารถอยู่รอดในดินแดนอันหนาวเหน็บได้เนื่องจากพวกเขามีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่ปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศที่รุนแรง พวกเขามีภูมิปัญญาและความรู้ที่สั่งสมกันมาหลายพันปี ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้
- The Inuit: A History by Michael Inuit
- The Inuit: People of the North by David M. Anderson
- The Inuit: In Search of a Homeland by Jean Malaurie
เขียนโดยผู้เชี่ยวชาญงานเขียน
นามปากกา : จุดสมดุล