อันตรายจากข้าวผัดค้างคืน กินอย่างไรให้ปลอดภัย
อันตรายจากข้าวผัดค้างคืน กินอย่างไรให้ปลอดภัย
ข้าวผัดเป็นอาหารยอดนิยมของคนไทย เพราะเป็นอาหารที่ทำง่าย รวดเร็ว และอร่อย แต่รู้หรือไม่ว่าข้าวผัดค้างคืนอาจอันตรายถึงชีวิตได้
สาเหตุของอันตราย
ข้าวผัดค้างคืนอาจอันตรายได้เนื่องจากเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งชื่อ บาซิลัส ซิเรอัส (Bacillus Cereus) ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียแกรมบวก รูปแท่ง สามารถสร้างสปอร์ที่ผลิตสารพิษได้ และมักจะเจริญเติบโตบนอาหารที่ทิ้งค้างไว้
เชื้อบาซิลัส ซิเรอัส ทนความร้อนได้ดี สามารถทนความร้อนได้ถึง 121 องศาเซลเซียส จึงสามารถทนความร้อนจากการปรุงอาหารและจากการอุ่นอาหารซ้ำได้
เมื่อเชื้อบาซิลัส ซิเรอัส เจริญเติบโตจนมีปริมาณมาก สารพิษที่ผลิตออกมาจะทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษได้ อาการของอาหารเป็นพิษจากเชื้อบาซิลัส ซิเรอัส ได้แก่
- ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน
- ปวดหัว มึนงง
- อ่อนเพลีย
- ถ่ายเหลว
ในบางรายอาจมีอาการรุนแรง เช่น ชัก หมดสติ จนถึงแก่ชีวิตได้
วิธีป้องกัน
เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากข้าวผัดค้างคืน ควรปฏิบัติดังนี้
- หากกินข้าวผัดไม่หมด ควรเก็บไว้ในตู้เย็นทันที
- เวลาอุ่นข้าวผัด ควรอุ่นให้ร้อนทั่วถึงจนร้อนจัด
- หากข้าวผัดมีกลิ่นเปรี้ยวหรือเหม็นบูด ไม่ควรกิน
วิธีเก็บรักษาข้าวผัด
หากกินข้าวผัดไม่หมด ควรเก็บไว้ในตู้เย็นทันที ภายใน 2 ชั่วโมงหลังจากปรุงสุก ไม่ควรเก็บข้าวผัดไว้ที่อุณหภูมิห้องนานเกิน 2 ชั่วโมง
เวลาเก็บข้าวผัดในตู้เย็น ควรห่อข้าวผัดให้มิดชิด เพื่อไม่ให้ปนเปื้อนกับอาหารอื่น และควรเก็บข้าวผัดไว้ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 4 องศาเซลเซียส
วิธีอุ่นข้าวผัด
เวลาอุ่นข้าวผัด ควรอุ่นให้ร้อนทั่วถึงจนร้อนจัด โดยอุ่นด้วยไมโครเวฟ หม้อหุงข้าว หรือกระทะ
หากอุ่นข้าวผัดด้วยไมโครเวฟ ควรอุ่นอย่างน้อย 2 นาที หรือจนข้าวผัดร้อนจัด
หากอุ่นข้าวผัดด้วยหม้อหุงข้าว ควรอุ่นข้าวผัดด้วยไฟแรงจนข้าวผัดร้อนจัด
หากอุ่นข้าวผัดด้วยกระทะ ควรผัดข้าวผัดด้วยไฟแรงจนข้าวผัดร้อนจัด
สรุป
ข้าวผัดเป็นอาหารยอดนิยมที่คนไทยนิยมกินกันมาก แต่หากกินข้าวผัดค้างคืน อาจอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้นจึงควรปฏิบัติดังนี้
- หากกินข้าวผัดไม่หมด ควรเก็บไว้ในตู้เย็นทันที
- เวลาอุ่นข้าวผัด ควรอุ่นให้ร้อนทั่วถึงจนร้อนจัด
- หากข้าวผัดมีกลิ่นเปรี้ยวหรือเหม็นบูด ไม่ควรกิน
ด้วยวิธีปฏิบัติเหล่านี้ จะช่วยให้คุณปลอดภัยจากอันตรายจากข้าวผัดค้างคืน